วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


Danboard คืออะไร และมีที่มา   จากอะไร

danbo


Danbo หรือจะเรียกอีกชื่อว่า Danboard ก็คือหุ่นลังกระดาษที่มาจากการตูนเรื่อง ” Yotsuba to ” หรือ ” โยทสึบะ หนูเด๋อจอมป่วน ” สำหรับหุ่นตัวนี้จริงๆแล้วถูก ” มิอุระจัง ” หนึ่งในตัวละครในเรื่องปลอมตัวอยู่ข้างใน หลังจากการตูนเรื่องนี้ดัง ก็เริ่มมีเวอร์ชั่นพิเศษออกมาหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่น Amazon ที่หลายคนชอบ หรือแปลงร่างกลายมาเป็น Power Bank , ลำโพง 

appjeed.com/arielle-nadel-365-days-of-danboard/


บทความทางวิชา หรือเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับ ผีเสื้อราตรี    



เป็นพืชล้มลุกมีหัวมีใบประกอบคล้ายนิ้วมือ มักหุบใบตอนกลางคืนมีลักษณะประกอบ
คล้ายสามเหลี่ยมมีสีชมพู-ม่วง

Th.m.wikipedia.org


   สถานการณ์ข่าวโรคอีโบลา จากเว็บข่าวใน ประเทศไทย เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา




วิกฤติการณ์การระบาดของไวรัสอีโบลา
วิกฤติการณ์การระบาดของอีโบล่าในครั้งนี้เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และได้คร่าชีวิตผู้คนกว่า 4,500 คน จากประชากร 26 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสนี้ เป็นเด็กกว่า 8.5 ล้านคน เด็กๆ และครอบครัวของเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากท่านอย่างเร่งด่วน
ยูนิเซฟประกาศระดมเงินบริจาคกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา
เจ้าหน้าที่ยูนิเซฟปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาตั้งแต่เริ่มการระบาด โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ระดับชาติในการวางแผนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสนี้ แต่ภารกิจเหล่านี้ไม่อาจสำเร็จได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากท่าน

https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/วิกฤติการณ์การระบาดของไวรัสอีโบลา?s=adwords&m=cpc&gclid=CjwKEAiAtNujBRDMmoCN46aB8noSJAC7SYv7PUuGIFwXwq5h70baSDXGJcohF1fqjHqYRXXju2UIpxoC3xjw_wcB


ข้อมูลในรูปแบบไฟล์ pdf เกี่ยวกับEdward Snowden 

กับการออกมาแฉ (Data breach)ครั้งยิ่งใหญ่ของโลก


หน่วยงาน Birtain's dectronic earesdropping agency สอดแนมข้อมูลบนโทรศัพท์กว่า
 600 ล้าน เครื่อง/วัน

www.arip.co.th


ความหมายของวลี Hoes before bros


เพื่อนต้องมาก่อนแฟน

http://wp.doe.go.th/wp/images/prass291057.pdf


จำนวนแรงงานต่างด้าวชาวพม่า  และกัมพูชาในประเทศไทย




จากกระแสข่าวเรื่องนโยบายการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ซึ่งส่งผลกระทบให้มีแรงงานข้ามชาติกัมพูชาจำนวนมากทยอยเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการการประกอบกิจการและธุรกิจที่ใช้แรงงานข้ามชาติ จนทำให้ทาง คสช.ต้องมีการแถลงข่าวยืนยันการไม่มีมาตรการส่งกลับแรงงานข้ามชาติ และอธิบายถึงสาเหตุการเดินทางกลับของแรงงานข้ามชาติ โดยมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ ซึ่งให้เป็นส่วนหนึ่งของการอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
“เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2557 นายธนิต นุ่มน้อย รองอธิบดีกรมจัดหางาน ชี้แจงตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ผ่านการแถลงข่าวของ คสช. ว่า แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยมี 3 สัญชาติ คือ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายประมาณ 408,507 คน และแรงงานที่ผิดกฎหมาย แต่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติประมาณ 1,800,000 คน โดยแรงงานกัมพูชามีจำนวนที่ถูกกฎหมายมากสุดกว่า 200,000 คน ขณะที่แรงงานที่ผิดกฎหมายคือแรงงานเมียนมาร์มีจำนวนกว่า 1,600,000 คน
 
อย่างไรก็ตาม มีข้อบังคับว่าแรงงานต่างด้าวที่ครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี จะต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งในปี 2557 มีแรงงานกัมพูชาทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย ครบวาระการจ้างงานกว่า 60,000 คน ส่วนแรงงานเมียนมาร์ครบกำหนดเดินทางกลับกว่า 260,000 คน และจะสามารถกลับเข้ามาทำงานใหม่ได้อีก 3 ปี
 
รองอธิบดีกรมการจัดหางานเปิดเผยด้วยว่า แรงงานส่วนใหญ่ที่เดินทางกลับมักชักชวนเพื่อนแรงงานให้เดินทางกลับด้วย ขณะเดียวกันบางส่วนได้กลับประเทศเพื่อทำการเกษตรในช่วงฤดูฝน จากการประสานกับรัฐบาลกัมพูชา ยืนยันได้ว่าไม่มีหนังสือ หรือแจ้งประสานให้ส่งแรงงานกัมพูชากลับประเทศ”
 
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ข่าวของสำนักข่าวไทย เรื่องตัวเลขแรงงานต่างด้าว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2557http://www.mcot.net/site/content?id=539edf9cbe047023c68b45a7#.U59AXpSSz81)
 
หากพิจารณาข้อมูลของรองอธิบดีกรมการจัดหางงานที่นำเสนอในการแถลงข่าว (ถ้าหากตัวเลขดังกล่าวคือตัวเลขที่เป็นจริงในปัจจุบัน เพราะข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวในวันที่ 17 มิถุนายน 2557 มีตัวเลขสถิติที่อ้างอิงได้ถึงเดือนเมษายน 2557ซึ่งตัวเลขพิสูจน์สัญชาติ 1,054,804 คน และนำเข้าตาม MOU 237,694 คน รวมทั้งหมด 1,292,498 คน อย่างไรก็ตามในที่นี้จำนวนอาจจะไม่ใช่ปัญหา จึงขอยึดตัวเลขจากการแถลงข่าวเป็นหลัก) ดูราวกับว่าในปัจจุบัน จะมีแรงงานผิดกฎหมายนับล้านคน โดยเฉพาะเป็นกลุ่มที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งในแง่ข้อเท็จจริงและสถานะตามกฎหมายของแรงงานกลุ่มพิสูจน์สัญชาติในปัจจุบันแล้ว แรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้มีสถานะเป็นแรงงานข้ามชาติที่ถูกกฎหมายผ่านกระบวนการปรับสถานะจากการรับรองของประเทศต้นทาง และได้รับการตรวจลงตราวีซ่าให้อยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายได้[1]
 
ดังนั้นการนำเสนอว่าประเทศไทยมีแรงงานผิดกฎหมายนับล้านคนจากข้อมูลข้างต้นจึงเป็นข้อมูลที่น่าจะมีความเข้าใจคาดเคลื่อน และหากใช้ข้อมูลดังกล่าวในการจัดระเบียบแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายก็จะทำให้มาตรการจะผิดเป้าหมายไปค่อนข้างมาก
 
นอกจากนั้น กรณีแรงงานข้ามชาติที่ทำงานครบตามเงื่อนไข 4 ปี ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เป็นการนำเข้าตาม MOU และกลุ่มที่พิสูจน์สัญชาติ ซึ่งข้อมูลของรองอธิบดีฯ ระบุว่า มีแรงงานกัมพูชาครบวาระการจ้างงานกว่า 60,000 คน และแรงงานพม่าครบกำหนด กว่า 260,000 คน ในแง่ข้อเท็จจริงแล้ว ได้มีมาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีแรงงานข้ามชาติที่ทำงานครบ 4 ปี แล้ว และสิ้นสุดการอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย โดยมีมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 มีนาคม 2557 เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี
 
โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ โดยผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี ที่ถือหนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport) หรือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity) แต่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 180 วัน หรือจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปขอรับการตรวจลงตราและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ขอรับใบอนุญาตทำงาน ตามขั้นตอนและสถานที่ที่กรมการจัดหางานกำหนด
 
หลังจากนั้นมีประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ และการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะตามมติคณะรัฐมนตรี 25 มีนาคม 2557 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติสามสัญชาติที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและทำงานครบเงื่อนไข 4 ปีผ่อนผันอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรอการดำเนินการตรวจลงตราให้อยู่ในราชอาณาจักร และขออนุญาตทำงาน และให้รับการตรวจลงตราตามอายุของหนังสือเดินทางชั่วคราวที่เหลืออยู่[2]
 
หมายความว่า จะมีแรงงานข้ามชาติที่เข้าทำงานในประเทศไทยครบ 4 ปี และต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางตามเงื่อนไขของ MOU เฉพาะในกลุ่มที่นำเข้าตาม MOU และทำงานครบสี่ปีแล้วเท่านั้น ซึ่งกลุ่มจะมีประกอบไปด้วยแรงงานข้ามชาติที่นำเข้าตาม MOU กัมพูชา 41,745 คน ลาว 8,740 คน และพม่า 4,658 คน เท่ากับว่าจะมีแรงงานที่ต้องเดินทางกลับทั้งสามสัญชาติแค่ 55,143 คนเท่านั้น ไม่ใช่ประมาณ 400,000 คนดังที่ปรากฏในข้อมูลที่นำเสนอเป็นข่าว
 
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแรงงานที่ทำงานครบ 4 ปี แล้วจะต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง 3 ปี จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงในการดำเนินการตามนโยบายและกฎหมายที่ออกมาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และไม่ใช่สาเหตุที่แรงงานข้ามชาติจะต้องเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมากตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
 
การนำเสนอข่าวในการแถลงข่าวของ คสช. ซึ่งมีการให้ข้อมูลโดยกรมการจัดหางาน ขณะเดียวกันก็มีแรงงานข้ามชาติอีก 324,709 คน ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการรอรับการตรวจลงตราวีซ่า และขออนุญาตทำงานในประเทศไทยต่อ ซึ่งมีความเสี่ยงว่าหากมีมาตรการตรวจจับส่งกลับ แล้วเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจพบเอกสารที่หมดอายุไปแล้วของพวกเขา และไม่มีความเข้าใจแรงงานข้ามชาติเหล่านี้ได้รับผ่อนผันให้อยู่อาศัยได้ชั่วคราวระหว่างรอการดำเนินการเรื่องเอกสารภายใน 180 วัน ก็มีความเสี่ยงที่จะมีมาตรการจับกุมและส่งกลับแรงงานเหล่านี้ได้ ซึ่งจะกลายเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงทางเศรษฐกิจตามมา ดังนั้นกลุ่มนี้จึงต้องมีแนวทางในการทำความเข้าใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐและมีมาตรการให้การคุ้มครองตามเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรี 25 มีนาคม 2557 อย่างจริงจัง
 
การนำเสนอข้อมูลผ่านการแสดงข่าวดังที่ได้ข่าวไปแล้วข้างต้น อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถานการณ์แรงงานข้ามชาติ และน่ากังวลว่าหากมีมาตรการดำเนินการจัดระเบียบแรงงานข้ามชาติบนข้อมูลที่ยังมีความเข้าใจที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ จะมีผลกระทบต่อแรงงานข้ามชาติและเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรงได้
 
นโยบายการจัดการแรงงานข้ามชาติที่จะแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติได้จริงนั้นควรวางอยู่บนความเข้าใจในสถานการณ์ที่ชัดเจนรอบด้าน และมีข้อมูลที่ถูกต้อง เปิดให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนได้นำเสนอความคิดเห็นและจัดทำแผนแม่บทระยะยาวร่วมกัน เพื่อจะเป็นทิศทางในการนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในเรื่องแรงงานที่จะมีผลดีต่อประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนโดยรวมต่อไป

http://www.prachatai.com/journal/2014/06/54073

ผลงานที่โด่งดังของ Jamie McGuire และโด่งดังอย่างไร





Someone else’s feelings

http://www.wp.doo.go.th/wp/images/prass 291057.pdf

 ผลงานที่โด่งดังของ Jamie McGuire และโด่งดังอย่างไร

JMC_BeautifulDisaster_Cover.jpg


แอ๊บบี้อเบอร์นาธีเป็นผู้หญิงที่ดี เธอไม่ได้ดื่มหรือสาบานและเธอก็มีจำนวนที่เหมาะสมของคาร์ดิแกนในตู้เสื้อผ้าของเธอแอ๊บบี้เชื่อว่าเธอมีระยะห่างเพียงพอจากความมืดของเธอที่ผ่านมา แต่เมื่อเธอมาถึงที่วิทยาลัยกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเส้นทางของเธอที่จะเริ่มต้นใหม่ถูกท้าทายอย่างรวดเร็วโดยการเดินมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงหนึ่ง - คืน
เทรวิสแมดดอกซ์ยันตัดและที่มีรอยสักเป็นสิ่งที่แอ๊บบี้ต้องการและความต้องการที่จะหลีกเลี่ยง เขาใช้เวลาคืนของเขาชนะเงินในการต่อสู้แหวนลอยและวันที่เขาเป็นวิทยาลัยมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของหมอ ทึ่งกับความต้านทานของแอ๊บบี้ที่จะอุทธรณ์ของเขา, เทคนิคเทรวิสของเธอเข้ามาในชีวิตประจำวันของเขาที่มีเดิมพันง่าย ถ้าเขาสูญเสียเขาจะต้องยังคงดื่มสุราเป็นเวลาหนึ่งเดือน ถ้าแอ๊บบี้สูญเสียเธอจะต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นเทรวิสสำหรับจำนวนเดียวกันของเวลา ทั้งสองวิธีเทรวิสมีความคิดที่ว่าเขาได้พบการแข่งขันของเขาไม่มี

http://www.jamiemcguire.com/

ภาพ จูบของศิลปินชาวออสเตรียที่มีขนาดใหญ่กว่า 1000 พิกเซล


จูบ (เยอรมันDer Kuss) เป็นจิตรกรรมสีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบที่เขียนโดยกุสตาฟ คลิมต์จิตรกรชาวออสเตรียในช่วง ‘ยุคทอง’ และอาจจะถือว่าเป็นงานชิ้นสำคัญที่สุดของคลิมต์ ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่หอศิลป์เบลเวเดียร์แห่งออสเตรียที่เวียนนาในประเทศออสเตรีย
“จูบ” เป็นภาพคู่รักในสีทองหลากหลายที่ตกแต่งอย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ กำลังจูบกันบนฉากหลังที่เป็นสำริด บุคคลสองคนในภาพอยู่ตรงมุมของลานดอกไม้ ชายใส่เสื้อสีพื้นเป็นลายสี่เหลี่ยมสวมมงกุฎที่เป็นเถาไม้เลื้อย สตรีสวมเสื้อผ้าสีสันจัดเป็นลายวงกลมและบนผมประดับแซมด้วยดอกไม้ ทั้งคู่ที่กอดกันล้อมรอบด้วยพื้นที่เป็นลายประสามเหลี่ยมเล็กๆ และลายก้นหอย ลักษณะการวางองค์ประกอบคล้ายคลึงกับในภาพ “สดุดีเบโทเฟน” (Beethoven Frieze) และ “Stoclet Frieze
ในภาพ “จูบ” คลิมต์เขียนภายชายและหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ส่วนอื่นๆ ของภาพละลายไปเป็นเพียงลวดลายอันเรืองรองที่แบนราบรอบตัวบุคคลทั้งสอง ลวดลายในภาพมีความสัมพันธ์โดยตรงกับลักษณะของอาร์ตนูโว และขบวนการศิลปหัตถกรรม และแสดงลักษณะอันตรงกันข้ามกับงานที่เป็นสามมิติของเอ็ดการ์ เดอกาส์และศิลปินสมัยใหม่ของยุคเดียวกัน ภาพเขียนเช่นภาพ “จูบ” เป็นภาพที่วิวัฒนาการมาจากปรัชญา “ยุคปลายศตวรรษ” (Fin de siècle) เพราะเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นการใช้ชีวิตอันฟุ้งเฟ้อออกมาในภาพอันหวานฉ่ำและยั่วยวนอารมณ์
บางท่านก็กล่าวว่า[1] ผู้ที่เป็นแบบในภาพคือตัวคลิมต์เองและและเพื่อนอันเป็นที่รักอีมิลี ลุยส์ เฟลิจ
ภาพ “จูบ” เป็นภาพของแสดงออกอย่างประณีตของคลิมต์ผู้เน้นความยั่วยวนทางอารมณ์ (eroticism) และการปลดปล่อยจากภายใน ภาพ “จูบ” เป็นภาพที่นอกแนวไปจากภาพอื่นๆ ของคลิมต์ที่มักจะแสดงให้สตรีเป็นตัวแทนของ “femme fatale

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B8%9A_%28%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%8C%29

การสืบค้นข้อมูลทางสารนิเทศการใช้เสิร์ตโอเปเรเตอร์(sear)

"  "     เป็นคำค้นวลีหรือชื่อเฉพาะ
-         ใช้ในกรณีไม่เอาคำที่ติดลบ
OR     ใช้ในกรณีเอาคำค้นแรกและคำค้นที่สอง
Site:    ใช้สำหรับค้นข้อมูลแบบเจาะจง
Related:  ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลที่คล้ายกัน

การใช้เสิร์ตฟิวเตอร์


การใช้เสิร์ตฟิวเตอร์ ใช้ในการกำหนดเงื่อนไขของผลลัพท์ที่ค้นได้
Publiss date คือ ช่วงเวลาที่ต้องเผยแพร่ข้อมูล
Veabati คือ การค้นให้คนสำกดคำ
Dictionary คือ ค้นหาทางพจนานุกรม
Reading level คือ ค้นหาตามระดับการอ่าน
Nearby คือ ค้นหาผลลัพท์ภูมิศาสตร์
Visited pags คือ ค้นหาจากหน้าเว็บที่เคยเข้ามาก่อน
Video คือ ค้นหาจากความยาวของวิดีโอ
Ingredient คือ ค้นหาโดยกำหนดประเภท
Application คือ ค้นหาแอพพิเคชั่นโดยกำหนดราคา
Patent คือ ค้นหาสิทธิบัตร เอกสารมาตรฐาน